page85

เสาวรส งานวิจัยและสรรพคุณ 24 ข้อ

ชื่อสมุนไพร เสาวรส

ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น สุคนธรส (ภาคกลาง), กะทกรกฝรั่ง, กะทกรกสีดา, กะทกรกยักษ์ (ทั่วไป), มะคกรก, บะคกรก (ภาคเหนือ) 

ชื่อวิทยาศาสตร์ Passiflora edulisSims. (พันธุ์สีม่วง), Passiflora edulis f. flavicarpa O. Deg. (พันธุ์สีเหลือง)

ชื่อสามัญ Passion fruit, Yellow granadilla, Jamaica honey-suckle

วงศ์ Passifloraceae



ถิ่นกำเนิดเสาวรส

เสาวรสมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ในประเทศบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินา แล้วมีการกระจายพันธุ์โดยการนำเสาวรสไปปลูกเพื่อประโยชน์ทางการค้าในหลายประเทศทั่วโลก เช่น อินเดีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย เปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อิสราเอล คอสตาริกา แอฟริกาใต้ โปรตุเกส รวมถึงประเทศแถบทะเลแคริบเบียน และแอฟริกาตะวันออก 


           สำหรับในประเทศไทยเสาวรส ถูกนำเข้ามาทดลองปลูกครั้งแรกในภาคเหนือ ประมาณปี พ.ศ.2498 ปัจจุบัน พบปลูกมากในภาคเหนือ และภาคตะวันออก ในแถบจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ ระยอง และชลบุรี 



ประโยชน์และสรรพคุณเสาวรส

ใช้ทำเป็นครีมบำรุงผิว

ต้านอนุมูลอิสระ

ช่วยให้มีภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรง

ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี

สามารถช่วยขจัดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้

ช่วยขับสารพิษในลำไส้

ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้อีกด้วย

ช่วยในการบำรุงสายตาได้ดีเยี่ยม

ใช้เป็นยาควบคุมธาตุ

ช่วยถอนพิษ

ใช้รักษาบาดแผล  

ใช้เป็นยาแก้ไข้

รักษาผื่นคัน

รักษาโรคกามโรค

ช่วยขับเสมหะ

แก้ไอ

ช่วยลดไขมันในเลือด

ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ

ช่วยลดความดับโลหิต

รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

รักษาตามโรค

ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิได้

ช่วยลดไขมันในเลือด

ลดความดันโลหิต

           เมล็ดเสาวรส พร้อมเยื่อหุ้มเมล็ดนำมาคั้น หรือ ปั่นเป็นน้ำผลไม้ดื่ม ให้รสเปรี้ยวจัด หรือ ปั่นผสมกับผลไม้อื่นที่มีรสหวาน เพื่อเพิ่มความหวาน อาทิ ประเทศทางแถบอเมริกาใต้นิยมนำเยื่อหุ้มเมล็ด และเปลือกมาปั่นผสมกับน้ำตาล ได้เครื่องดื่มที่เรียกว่า refresco หรือ ใช้ผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น เช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำสับปะรด น้ำพีช เป็นต้น โดยอัตราการผสมน้ำเสาวรสประมาณ 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และรสชาติที่ดี ซึ่งเป็นที่นำยมกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เพราะนอกจากทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอม และรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารสูง และน้ำเสาวรสยังสามารถนำไปใช้แต่งกลิ่น และรสชาติของไอศกรีม ขนมเค้ก เยลลี่ เชอร์เบท พาย ลูกกวาด ไวน์ เป็นต้น และเยื่อหุ้มเมล็ดยังแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ เสาวรสผง แยมเสาวรส และเยลลี่เสาวรส ส่วนเปลือกเสาวรสมีคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน สามารถนำมาตากแห้งหรือใช้สดเป็นอาหารเลี้ยงโค กระบือ แกะ แพะ และหมู ได้


เสาวรสสีม่วง


รูปแบบและขนาดวิธีใช้


โดยปกติแล้ว มักจะนำเสาวรสสุกมาทำเป็นน้ำผลไม้ หรือ ใช้รับประทานสดๆ ก็สามารถได้ประโยชน์จากสารออกฤทธิ์ต่างๆ ของเสาวรส แล้ว ส่วนในค้านการนำมาใช้เป็นสมุนไพรก็มีการมาใช้ เช่น นำรากเสาวรสไปต้มแล้วใช้ดื่มช่วยแก้ไข้ รักษาตามโรค แก้ผื่นคัน หรือ นำใบมาต้มกับน้ำใช้รับประทาน สามารถใช้เป็นยาถ่ายพยาธิได้ หรือ จะใช้เนื้อในของผลสุกมาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่ม จะช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยให้ระบายได้ เป็นต้น



ลักษณะทั่วไปของเสาวรส


เสาวรสจัดเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ ส่วนโคนเป็นไม้เนื้อแข็ง อายุหลายปี สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 12 เมตร มีมือเกาะ ใบเดี่ยว รูปคล้ายโล่ หรือ รูปไข่ ออกเรียงสลับกัน ขอบใบมักเว้าลึกเป็น 3 พู ปลายใบแหลม หรือ เรียวแหลม โคนใบกลม หรือ รูปหัวใจเว้าตื้น เนื้อใบค่อนข้างเหนียว ขอบใบจักฟันเลื่อย มีเส้นใบ 3 เส้น ออกจากโคนใบ ก้านใบยาว 4-4.5 เซนติเมตร ที่ปลายก้านมีต่อม หูใบรูปหอก ขอบเรียบ หรือจักฟันเลื่อย


           ดอกเสาวรสจัดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ สามารถผสมเกสรด้วยตนเองได้ดี ตัวดอกแทงออกเป็นดอกเดี่ยว ดอกแทงออกบริเวณซอกใบตามเถา ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง ด้านนอกกลีบเลี้ยงมีสีเขียว ด้านในมีสีขาว และกลีบดอกสีครีมอมม่วง 5 กลีบ กลีบดอกเรียงสลับเป็น 2 ชั้น ถัดมาด้านในมีฝอยเป็นเส้นล้อมเป็นวงกลมจำนวนมาก โคนฝอยมีสีม่วง ปลายฝอยมีสีขาว ตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน ส่วนเกสรตัวเมียมีปลายแยกเป็น 3 แฉก เมื่อบานจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ


           ผลเสาวรส ออกเป็นผลเดี่ยว ผลมีรูปทรงกลม หรือ รูปไข่ และอวบน้ำ ขนาดผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร มีน้ำหนักผลประมาณ 35-115 กรัม ขึ้นอยู่กับขนาดผล ส่วนสีเปลือกแตกต่างกันตามสายพันธุ์ อาทิ พันธุ์สีม่วงจะมีเปลือกสีม่วงเข้ม ส่วนพันธุ์สีเหลืองจะมีเปลือกสีเหลืองสด เปลือกผลทุกพันธุ์ค่อนข้างหนา และ เป็นมัน ภายในผลประกอบด้วยเมล็ดจำนวนมาก


           ส่วนพันธุ์ที่พบในประเทศไทยและนิยมปลูกกันมาก มี 3 พันธุ์


พันธุ์ผลสีม่วง (Passiflora edulis) พันธุ์ผลสีม่วงในธรรมชาติพบได้มากในที่สูง ประมาณ 1,000-2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดเวลา ทำให้ผลมีขนาดเล็ก เมื่อผลสุกจะมีสีม่วงเข้มผิวเป็นมัน น้ำจาก พันธุ์ผลสีม่วง มีรสชาติดีกว่าพันธุ์ผลสีเหลือง มีกรดต่ำสีสวย และหวาน จึงเหมาะสำหรับรับประทาน ผลสด ข้อเสียของพันธุ์นี้คือ ค่อนข้างจะอ่อนแอต่อโรค

พันธุ์ผลสีเหลือง (Passiflora edulis, var flaicarpa) พันธุ์ผลสีเหลือง ตามธรรมชาติพบขึ้นตามพื้นที่สูงในแถบประเทศชายฝั่งทะเล ที่มีความสูงตั้งแต่ 800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ผลมีลักษณะเด่น คือ ผลมีขนาดใหญ่เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองขมิ้นชัน ผิวเป็นมัน น้ำคั้นของพันธุ์นี้ มีกรดมาก ซึ่งมี pH ต่ำกว่า 3 เหมาะสำหรับส่งเข้าโรงงานเพื่อแปรรูปมากกว่าการ รับประทานผลสด ข้อดีของพันธุ์นี้ คือ ให้ผลดก มีความต้านทานโรค และแมลงสูงกว่าพันธุ์ผลสีม่วง

พันธุ์ลูกผสม เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ผลสีม่วงกับพันธุ์สีเหลือง เพื่อคัดเลือกต้นพันธุ์ใหม่ ที่รวมลักษณะผลที่เด่นของแต่ละพันธุ์ไว้ ทำให้มีลักษณะผลใหญ่ ให้ผลดก มีรกห่อหุ้ม เมล็ดมากเปลือกบาง ต้านทานโรค และมีช่วงเวลาในการให้ผลที่ยาวนาน พันธุ์นี้จะให้ทั้งผลที่มีสีม่วงและผลสีเหลือง สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี

เสาวรส


เสาวรส


ลูกเสาวรส


การขยายพันธุ์เสาวรส


เสาวรสสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเขตอากาศเย็นทางภาคเหนือ หรือ เขตอากาศร้อนชื้นทางภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก แต่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง


           ส่วนการขยายพันธุ์เสาวรส สามารถขยายพันธุ์ได้จากต้นกล้าที่เพาะเมล็ด รวมถึงต้นกล้าที่ได้จากการปักชำ หรือ การตอนเถา แต่ส่วนมากนิยมปลูกจากเมล็ดมากที่สุด โดยมีวิธีการดังนี้


           การเตรียมเมล็ด เมล็ดที่ใช้เพาะกล้า ควรเลือกจากผลเสาวรสที่มีผลขนาดใหญ่ ผลมีความสมบูรณ์ เปลือกผลเป็นมันวาว ไม่มีรอยกัดแทะของแมลง โดยนำเมล็ดมาใส่ผ้าขาวบาง แล้วนำไปขยี้ให้น้ำ และเยื่อหุ้มเมล็ดหลุดออกจากเมล็ด จากนั้น นำเมล็ดมาล้างทำความสะอาด ก่อนจะนำเมล็ดมาตากผึ่งแดดให้แห้ง นาน 5-7 วัน เก็บพักไว้ในที่ร่มนาน 1-2 เดือน ค่อยนำมาเพาะ หลังจากพักเมล็ดไว้ 1-2 เดือนแล้ว ก่อนเพาะให้นำเมล็ดมาแช่น้ำไว้ 1 คืน การเพาะเมล็ดอาจเพาะในถุงเพาะชำได้โดยตรง หรือ หยอดเพาะในกระบะเพาะก่อน แล้วค่อยแยกลงเพาะต่อในถุงเพาะชำได้


           การเตรียมแปลงปลูก การปลูกเสาวรสในแปลงใหญ่จำนวนหลายต้นจำเป็นต้องเตรียมแปลงก่อน โดยการไถพรวนดิน 1-2 รอบ พร้อมกำจัดวัชพืชออกให้หมด จากนั้น ขุดหลุมปลูก ขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร โดยให้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว และระยะห่างระหว่างต้น หรือ หลุม ประมาณ 2-3 เมตร จากนั้น ปล่อยหลุมตากแดดไว้ 3-5 วัน


           วิธีการปลูก ก่อนปลูก ให้โรยก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 3-5 กำมือ และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ประมาณ 1 หยิบมือ ก่อนคลุกหน้าดินลงผสม ก่อนฉีกถุงดำออก แล้วนำต้นกล้าเสาวรสลงปลูกในหลุม พร้อมกลบดินให้แน่นพอประมาณ จากนั้น นำไม้ไผ่มาปักข้างหลุม เพื่อให้ลำต้นอิงเติบโตสักระยะ


           การทำค้าง เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเสาวรส เป็นไม้เถาเลื้อย จำเป็นต้องเกาะเลื้อยตามวัสดุต่างๆ การเตรียมค้าง ควรเตรียมหลังการขุดหลุมปลูกเสร็จ หรือ ทำร่วมกับการขุดหลุมปลูก หรืออาจทำหลังการปลูก แต่พึงระวังไม่ให้ต้นพันธุ์ได้รับอันตรายขณะทำค้าง


           การเตรียมค้างทำได้โดยการใช้เสาคอนกรีต หรือ เสาไม้มาฝังใกล้กับต้นเสาวรสตามแนวยาวของแถว จากนั้น ใช้ลวดขึงโยงแต่ละเสาตามแนวยาว แล้วค่อยขึงโยงตัดตามแนวขวางให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 50×50 เซนติเมตร