page21
มะขามแขก งานวิจัยและสรรพคุณ 14ข้อ
ชื่อสมุนไพร มะขามแขก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Senna alexandrina P. Miller
ชื่อสามัญ Alexandria senna, Alexandrian senna Indian senna
ชื่อพ้อง Cassia acutifolia Delile,
Cassia angustifolia Vahl,
Cassia obovata Collad.,
Cassia senna L.
วงศ์ Fabaceae (Leguminosae-Caesalpinioideae)
มะขามแขก
ถิ่นกำเนิดมะขามแขก
มะขามแขกนี้ชาวอาหรับรู้จักนำมาใช้เป็นยามานานแล้ว และได้นำมาใช้ในยุโรป ตั้งแต่สมัย ๑,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว ใบมะขามแขกมี ๒ ชนิด คือ Cassia acutifolia – Alexandrian Senna ซึ่งมีปลายใบแหลมกว่า เป็นพืชพื้นเมืองของอัฟริกาเขตร้อน ปลูกมากในประเทศซูดาน เมืองคอร์โดฟาน (Kordofan) และเมืองเซนน่า (senna) และอีกชนิดหนึ่งมีปลายใบเรียวคือ Cassia angustifolia Tinnevely Senna เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดที่เมืองโซมาลิแลนด์ ( Somaliland ) อาระเบีย แคว้นปัญจาบและสินธุ แต่แหล่งที่ปลูกพืชนี้มากที่สุดคือ เมือง Tinnevelly ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ปัจจุบันนี้ในไทยปลูกต้นมะขามแขกกันมากแถวพระพุทธบาทสระบุรี ในโครงการร่วมไทย – เยอรมัน เพื่อส่งเป็นสินค้าออกไปยังเยอรมัน
ประโยชน์และสรรพคุณสรรพคุณมะขามแขก
ช่วยถ่ายโรคบุรุษ
ช่วยถ่ายน้ำเหลือง
ช่วยลดอาการบวมน้ำ
ใบมะขามแขกช่วยทำให้อาเจียน
ช่วยถ่ายพิษไข้
ช่วยถ่ายพิษเสมหะ
ช่วยแก้อาการสะอึก
ช่วยขับลมในลำไส้
ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
ช่วยถ่ายพิษอุจจาระเป็นมูก
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร
ใบใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ
ยาระบาย
แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
สมุนไพรมะขามแขก มีสรรพคุณที่โดดเด่นในเรื่องของการใช้เป็นยาถ่าย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีกำลังน้อย เด็ก คนที่เป็นริดสีดวง หรือผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากมีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinones) ที่มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ให้ถ่ายท้องได้ โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้แก่ ส่วนของใบแห้งและฝักแห้งที่มีอายุในช่วง 1 เดือนครึ่ง (หรือช่วงก่อนออกดอก) แต่ควรใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
รูปแบบและขนาดวิธีใช้มะขามแขก
ใช้แก้อาการท้องผูกใช้ ใบแห้งวันละ 3-10 กรัม (1-2 กำมือ) ต้มกับน้ำดื่ม หรือบดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือฝัก 4-5 ฝัก ต้มกับน้ำจำนวนพอเหมาะ ดื่มก่อนนอน
สำหรับถ่ายพยาธิ ใบมะขามแขกหนัก 2 กรัม หรือ 2 หยิบมือ หรือใช้ฝัก 10-15 ฝัก ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว 5 นาที ใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อกลบรสเฝื่อน รับประทานครั้งเดียว หรือ ใช้วิธีบดใบแห้ง เป็นผงชงน้ำดื่ม บางคนดื่มแล้วเกิดอาการไซ้ท้อง แก้ไขโดย ต้มรวมกับยาขับลมจำนวนเล็กน้อย (เช่น กระวาน กานพลู อบเชย) เพื่อแต่งรสและบรรเทาอาการไซ้ท้อง
ตัวยาสำคัญ ผงใบมะขามแขก (Senna alexandrina Mill.) ข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการท้องผูก ขนาดและวิธีใช้ ชนิดชง รับประทานครั้งละ ๒ กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ ๑๒๐ - ๒๐๐ มิลลิลิตร ก่อนนอน ชนิดแคปซูล รับประทานครั้งละ ๘๐๐ มิลลิกรัม – ๑.๒ กรัม ก่อนนอน ข้อห้ามใช้ ผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน (gastrointestinal obstruction) หรือปวดท้อง โดย ไม่ทราบสาเหตุ ข้อควรระวัง - ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี หรือในผู้ป่วย inflammatory boweldisease - การรับประทานยาในขนาดสูง อาจทำให้เกิดไตอักเสบ (nephritis) - ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากเกินไปโดยเฉพาะโพแทสเซียม และการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้ลำไส้ใหญ่ชินต่อยา ถ้าไม่ใช้ยาจะไม่ถ่าย - ควรระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร อาการไม่พึงประสงค์ ปวดมวนท้อง ผื่นคัน ยามะขามแขก ประเภทตำรับ ยาในบัญชียาหลัก ยารักษากลุ่มทางเดินอาหาร – กลุ่มรักษาอาการท้องผูก ข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการท้องผูก วิธีใช้ ชนิดชง รับประทานครั้งละ 2 กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ 120 - 200 มิลลิลิตร ก่อนนอน ชนิดแคปซูลและชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม – 1.2 กรัม ก่อนนอน
การเกิดอันตรกิริยากับยาแผนปัจจุบัน
Nephrotoxic drug
Acetaminophen (in acute high doses),Acyclovir, parenteral,Aldesleukin,Aminoglycosides, parenteral and topical irrigation (only on denuded surfaces or mucous membranes),Amphotericin B cholestryl complex,Amphotericin B liposomal complex,Amphotericin B, systemic,Analgesic combinations containing acetaminophen and aspirin or other salicylates (with chronic high-,Anti-inflammatory drugs, nonsteroidal (NSAIDS),Bacitracin, parenteral,Capreomycin,Carmustine,Cholecystographic agents, oral,Cidofovir,Ciprofloxacin,Cisplatin,Contrast agents, radiopaque, water-soluble organic iodides (with intravascular administration),COX 2 inhibitors,Cyclosporin,Deferoxamine (with long-term use),Demeclocycline (in nephrogenic diabetes insipidus),Edetate calcium disodium (with high doses),Edetate disodium (with high doses),Foscarnet,Gallium nitrate,Gold compounds,Ifosfamide,Imipenem,Lithium,Methotrexate (with high-dose therapy),Methoxyflurane,Neomycin, oral,Pamidronate,Penicillamine,Pentamidine,Phenacetin,Plicamycin,Polymyxins, parenteral,Rifampin,Streptozocin,Sulfamethoxazole and Trimethoprim,Sulfonamides, systemic,Tacrolimus,Tetracyclines, other (except doxycycline and minocycline),Tiopronin,Tretinoin,Vancomycin, parenteral,Chlorpropamide
ลักษณะทั่วไปมะขามแขก
ต้นมะขามแขก จัดเป็นไม้พุ่ม มีความสูงของต้นประมาณ 0.5-1.5 เมตร เป็นพืชทนแล้ง ไม่ชอบที่น้ำท่วมขัง เพราะจะทำให้รากเน่า สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่ลักษณะร่อน มีความอุดมสมบูรณ์ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการใช้ต้นกล้า
ใบมะขามแขก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยเป็นรูปวงรีและใบรูปหอก ใบแห้งมีสีเขียวอมน้ำตาล ขอบใบเรียบ ปลายและโคนใบแหลม โคนใบทั้งสองมีขนาดไม่สมมาตรกัน และมีขนนุ่มปกคลุมอยู่ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ใบมีกลิ่นเหม็นเขียว มีรสเปรี้ยว หวานชุ่ม
ดอกมะขามแขก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบตอนปลายกิ่ง กลีบดอกมีสีเหลือง จะมีกลีบที่รองดอกและกลีบดอกเกือบมีขนาดที่เท่ากันจำนวน 5 กลีบ ออกผลเป็นฝักลักษณะเหมือนกับถั่วลันเตา แต่จะแบนกว่า กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7 เซนติเมตร มีสีเขียวใสตอนยังอ่อน เมื่อแก่จะกลายเป็นสีดำ มีเมล็ดประมาณ 6 เมล็ด มีรสเปรี้ยว
การขยายพันธุ์มะขามแขก
• มะขามแขกเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน ระบายน้ำดี ไม่มีน้ำท่วมขัง เป็นพืชที่ต้องการความชื้น ชอบขึ้นในที่ลุ่ม ทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้น้อย พบได้ตามพื้นที่ป่าหรือตามพื้นที่รกร้างทั่วไป
• มะขามแขกสามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ด้วยวิธีการนำเมล็ดจากฝักแก่ที่ร่วงจากต้นหรือฝักแก่จากต้น นำเมล็ดมาตากแห้งประมาณ 1-2 แดด ก่อนนำไปหว่านลงพื้นที่ว่างหรือเพาะขยายพันธุ์ในถุงเพาะชำ ถุงดำ หรือ กระบะเพาะชำก่อนนำลงปลูก ช่วงแรกหมั่นดูแลรักษาให้ดินมีความชุ่มชื่นตลอด เมื่อมะขามแขกเริ่มใหญ่แล้วจากนั้นรดน้ำตามความเหมาะสม ช่วงที่นิยมปลูกเป็นช่วงปลายฤดูฝน
• ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว การเก็บใบจะเริ่มการเก็บเกี่ยวเมื่ออายุได้ 50 วัน โดยตัดยอดเหนือใบแก่ รูดเอาแต่ใบย่อยใส่กระจาด เกลี่ยให้บาง ๆ แล้วนำไปผึ่งไว้ประมาณ 2-5 วัน
• การเก็บผลจะเก็บเมื่อผลมีอายุได้ประมาณ 20-23 วัน นำมาผึ่งในที่ร่ม โดยแผ่ออกบาง ๆ ผึ่งประมาณ 1-2 วัน แล้วนำไปผึ่งแดดอีกประมาณ 1 วันให้แห้งสนิท แล้วเก็บใสภาชนะที่สะอาดและมิดชิด