page87
โหระพา งานวิจัยและสรรพคุณ 40 ข้อ
ชื่อสมุนไพร โหระพา
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น โหระพาไทย, โหรพาเทศ (ทั่วไป), กอมก้อ (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน), อิ่มคิมขาว (ไทยใหญ่-แม่ฮ่องสอน), ห่อวอซุ, ห่อกวยซวย (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum basilicum Linn.
ชื่อสามัญ Sweet Basil, Common Basil
วงศ์ Labiatae
ถิ่นกำเนิดโหระพา
โหระพามีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือแถบประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ แต่ได้มีการกระจายพันธุ์ไปทั่วโลกหลายพันปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียและยุโรป กล่าวกันในบางตำราว่าอาณาจักรโรมันได้นำโหระพาไปเผยแพร่ทั่วทวีปยุโรป แล้วจึงกระจายไปทั่วโลกในเขตร้อนและอบอุ่นทั่วโลก โหระพาจึงนับเป็นพืชจากแถบโลกเก่าทางตะวันออกที่แพร่หลายที่สุดชนิดหนึ่งจนอาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันการปลูกโหระพาในประเทศตะวันตกแถบอบอุ่น มีมากกว่าถิ่นกำเนิดเดิม คือ เขตร้อนของเอเชียเสียอีก
นอกจากนี้ชื่อโหระพาภาษาอังกฤษคำว่า Basil มาจากภาษากรีก basileus แปลว่า "ราชา หรือ ผู้นำของปวงชน" ชื่อนี้เนื่องมาจากกลิ่นดุจเครื่องหอมในราชสำนักของโหระพา และชื่ออื่นของโหระพาในภาษาแถบยุโรปต่างก็มีรากศัพท์มาจากคำว่าราชานี้ทั้งสิ้น ซึ่งเชื่อว่าโหระพาถูกใช้เป็นส่วนประกอบของสมุนไพรที่ราชวงศ์ยุโรปโบราณใช้ใส่ในน้ำอาบ ปัจจุบันโหระพาเป็นพืชที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในทวีปเอเชียยุโรป อเมริกาใต้และแอฟริกา สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ รวมถึงสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศเช่นกัน โดยโหระพาที่ปลูกกันทั่วไปในประเทศไทยส่วนมากเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกต่อๆ กันมา โดยเก็บเมล็ดพันธุ์เอง และต่อมาบางที่เกิดจาการกลายพันธุ์ไปแต่ก็ยังไม่มีการแบ่งแยกเป็นแต่ละพันธุ์อย่างชัดเจน
ประโยชน์และสรรพคุณโหระพา
ใช้แต่งกลิ่นอาหาร
ใช้แต่งกลิ่นยาสีฟัน ยาที่ใช้กับปากและคอ ทำโลชั่น ครีม แชมพู สบู่
ใช่น้ำมันโหระพายังใช้ไล่แมลง
แก้ลมวิงเวียน
ช่วยขับลมในลำไส้
ช่วยขับผายลม
แก้ท้องขึ้น ท้องอืด ท้องเฟ้อ
แก้ปวดท้อง ทำให้เรอ
แก้พิษตานซาง
ช่วยย่อยอาหาร
แก้หวัด
ช่วยเจริญอาหาร
แก้พิษตานซาง
แก้เด็กนอนสะดุ้งผวาเพราะโทษน้ำดี
แก้บิด ทำให้อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ถ่ายสะดวก ยาระบาย
ใช้พอกฝีรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
แก้ปวดหัว
แก้ปวดกระเพาะอาหาร จุกเสียดแน่น ท้องเสีย
แก้ประจำเดือนผิดปกติ
แก้ฟกช้ำ
แก้ผดผื่นคัน มีน้ำเหลือง
ใช้แก้ตาแดง มีขี้ตามาก ต้อตา
แก้เด็กเป็นแผล มีหนองเรื้อรัง
แก้โรคเกาต์
แก้โรคผิวหนัง
แก้กลิ่นปากหรือลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็งได้
ช่วยปกป้องสารพันธุกรรมจากการเกิดความเสียหายและมีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งเต้านมในหลอดทดลอง
ช่วยต้านการเกิดภาวะเป็นพิษต่อไขกระดูกและระบบเลือด
ขับเหงื่อ
ขับเสมหะ
ขับพยาธิ
การสร้างภูมิคุ้มกัน
รักษาอาการเหงือกอักเสบ เป็นหนอง
แก้สะอึก
แก้สิว
แก้ไข้
แก้หวัด
แก้ไอ
แก้พิษฝี
โหระพา เป็นพืชที่มีกลิ่นหอม นิยมนำมาประกอบอาหารหลากชนิดในประเทศไทย ซึ่งช่วยปรุงแต่งกลิ่นรสของอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้น ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารหลายชนิดใช้ใบปรุงอาหารเป็นผักโรยชูรสได้หลายชนิด ใบและยอดอ่อนใช้กินเป็นผักสด เป็นเครื่องแนมอาหารคาว หรือ อาหารว่างได้เป็นอย่างดี
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
แก้ไข้ ปวดศีรษะ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ ขับพยาธิ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย ช่วยเจริญอาหาร และการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยใช้ยอดอ่อนต้มกับน้ำ รับประทานเป็นชา หรือ รับประทานเป็นผักสดก็ได้
รักษาอาการเหงือกอักเสบ เป็นหนอง โดยบดใบโหระพาแห้งให้เป็นผงทาบริเวณที่เป็น
บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยคั้นน้ำจากใบโหระพาสด ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอ้อย 2 ช้อน รับประทานวันละ 2 ครั้ง พร้อมกับน้ำอุ่น
แก้สะอึก โดยใช้ใบโหระพาสดหรือแห้ง พร้อมขิง สดแช่ในน้ำเดือด รับประทานในขณะที่น้ำยังร้อน
ต้านมะเร็ง แก้สิว แก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ แก้พิษฝี ช่วยย่อย และเจริญอาหาร และช่วยกระตุ้น-สร้างภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บได้ นำใบแห้งมาต้มประมาณ 2-3 ช้อนชา กับน้ำเดือด 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ถ้วย
เด็กปวดท้องให้ใช้ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ำร้อนและนำมาให้เด็กดื่ม หรือ นำมาชงนมให้เด็กดื่ม ปลอดภัยกว่ายาขับลมที่ผสมแอลกอฮอล์
เมล็ดของโหระพาเมื่อแช่น้ำจะพองตัวเป็นเมือก ใช้กินแก้บิด ช่วยหล่อลื่นลำไส้เป็นยาระบาย เนื่องจากไปเพิ่มจำนวนกากอาหาร (bulk laxative)
แก้ไอและหลอดลมอักเสบใช้ใบคั้นเอาน้ำ 2-4 กรัม ผสมน้ำผึ้ง
แก้ปวดฟันใช้สำลีก้อนเล็กๆ ชุบน้ำคั้นจากใบอุดโพรงฟันที่ปวด
ลดอาการอักเสบของแผลทำให้แผลหายเร็ว โดยนำใบสดประมาณ 5-10 ใบมาบีบขยำ แล้วนำมาประคบแผล
ลดอาการปวด และบวม เนื่องจากแมลงสัตว์กัดต่อย โดยนำใบมาขยำ แล้วใช้มาหรือประคบบริเวณแมลงกัดต่อยจะช่วยให้
ลักษณะทั่วไปของโหระพา
โหระพาจัดเป็นพืชล้มลุก มีระบบรากแก้ว และรากฝอย ลำต้นมีความสูงประมาณ 40-100 ซม. ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม แก่นด้านในเป็นไม้เนื้ออ่อน ผิวลำต้นอ่อน หรือ กิ่งอ่อนมีสีม่วงแดง ลำต้นแตกกิ่งตั้งแต่ระดับต่ำของลำต้นจนแลดูเป็นทรงพุ่ม กิ่งแตกออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบโหระพา ออกเป็นใบเดี่ยว แทงออกบริเวณข้อของกิ่ง ใบมีรูปไข่ คล้ายใบกะเพรา ใบมีสีเขียวเข้มหรือม่วงแดง หรือ เขียวอมม่วง กว้างประมาณ 3-4 ซม. ยาวประมาณ 6 ซม. โคนใบมน ใบปลายแหลม แผ่นใบเรียบ และค่อนข้างเป็นมัน ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย มีเส้นใบมองเห็นชัดเจน ใบไม่มีขน ใบมีน้ำมันหอมระเหยทำให้มีกลิ่นหอม ดอกมีสีขาวหรือชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 7-12 เซนติเมตร มีใบประดับสีเขียวอมม่วงซึ่งจะคงอยู่เมื่อเป็นผล กลีบดอกมีโคนเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน เกสรตัวผู้ 4 อัน ผล ผลเป็นสีน้ำตาล มีเมล็ด 4 เมล็ด ซึ่งเมล็ดเป็นรูปกลมรียาวประมาณ 2 มม.
โหระพา
โหระพา
การขยายพันธุ์โหระพา
โหระพา สามารถขยายพันธุ์ได้ 3 วิธี คือ การหว่านเมล็ด การเพาะกล้าย้ายปลูกและการปักชำกิ่ง แต่วิธีที่นิยมจะเป็นการปักชำกิ่ง และการเพาะกล้าย้ายปลูก โดยมีวิธีการดังนี้
การเพาะกล้าย้ายปลูก โดยการหว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลงแล้วใช้แกลบสด แกลบเผา หรือ ฟางหว่านหรือคลุมบางๆ แล้วรดน้ำตามทันที หลังจากนั้น รดน้ำทุกวันเช้าและเย็น จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 20-25 วัน จึงทำการย้ายปลูก โดยการถอนกล้าแล้วเด็ดยอดนำไปปลูกในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร เมื่อถอนกล้าออกจากแปลงแล้วจะต้องปลูกให้เสร็จภายในวันเดียวกัน หลังจากปลูกเสร็จควรหาฟาง หรือ หญ้าแห้งมาคลุมเพื่อเก็บความชื้นและรดน้ำตามทันที
การปักชำ โดยตัดกิ่งที่โตเต็มที่ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วปลิดใบออกให้หมดนำไปปักชำในแปลง โดยใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร ใช้หญ้าแห้ง หรือ ฟางแห้งสะอาดคลุมให้ทั่วแปลง และรดน้ำตามทันที สำหรับการขยายพันธุ์ทั้ง 2 วิธีนี้ ควรทำในตอนเย็นเพราะเป็นช่างที่มีสภาพอากาศเหมาะสม
ทั้งนี้โหระพาเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงควรมีการรดน้ำให้ทุกวัน แต่ระวังอย่าปล่อยให้มีการท่วมขังของน้ำในแปลง ในระยะแรกควรทำการพรวนดินและกำจัดพืชทุกๆ 1-2 สัปดาห์ โดยการใช้มือถอนจอบหรือเสียมดายหญ้าออกและควรทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้กระทบต่อต้นและราก
หลังจากปลูกประมาณ 30-35 วัน สามารถทำการเก็บเกี่ยวได้ โดยใช้มีดคมๆ ตัดต้น หรือ กิ่ง ห่างจากยอดลงมาประมาณ 10-15 เซนติเมตร ซึ่งการเก็บเกี่ยวสามารถกระทำได้ทุกๆ 15-20 วัน ไปจนถึงอายุ 7-8 เดือน
องค์ประกอบทางเคมี
ใบโหระพามีน้ำมันหอมระเหยอยู่ประมาณร้อยละ 0.1-1.5 เมื่อทำการวิเคราะห์ด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างจาก headspace และตรวจสอบด้วย gas chromatography พบว่าในน้ำมันหอมระเหยประกอบด้วยสารเมทิลชาวิคอล (methylchavicol) เป็นสารหลัก (ร้อยละ 93) และสารกลุ่มเทอร์พีน ได้แก่ลินาโลออล (linalool) และซินีออล (1,8-cineol)
นอกจากนี้ ยังมีสารยูจีนอล (eugenol) กรดกาเฟอิก (caffeic acid) และกรดโรสมารินิก (rosmarinic acid)Ocimine, alpha-pinene, eucalyptol, geraniol,limonene, eugenol methyl ether.methyl cinnaminate, 3- hexen -1- ol, estragole
นอกจากนี้โหระพา ยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการของโหระพา (ใบสด 100 กรัม)
- พลังงาน 251 กิโลแคลอรี่
- โปรตีน 14.4 กรัม
- ไขมัน 4 กรัม
- ใยอาหาร 17.8 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 61 กรัม
- แคลเซียม 2,113 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม
- เหล็ก 42 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 42.2 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 490 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 3,433 มิลลิกรัม
- โซเดียม 34.0 มิลลิกรัม
- สังกะสี 6.0 มิลลิกรัม
- วิตามิน A 9375 IU
- วิตามิน B1 0.1 มิลลิกรัม
- วิตามิน B2 0.2 มิลลิกรัม
- วิตามิน C 22 มิลลิกรัม
- เบต้า แคโรทีน 452.16 ไมโครกรัม