page9

จันทน์แดง งานวิจัยและสรรพคุณ 23 ข้อ


ชื่อสมุนไพร จันทน์แดง

ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น จันผา (ภาคเหนือ), ลักกะจันทน์, ลักกะจั่น (ภาคกลาง), จันทน์แดง (สุราษฎร์ธานี, ภาคกลาง)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracaena loureiroi Gagnep.

ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Dracaena cochinchinensis (Lour.) S.C.Chen., Draco saposchnikowii Regel.

วงศ์ Dracaenaceae



ถิ่นกำเนิดจันทร์แดง

จันทน์แดงเป็นไม้ป่าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ซึ่งในธรรมชาติ จันทน์แดงจะพบได้ตามภูเขาสูง หรือ เกาะแก่งกลางทะเลที่ห่างไกลจากฝั่ง รวมไปถึงภูเขาหินปูนสูงๆ ที่มีแสงแดดจัดๆ และมักขึ้น ในสภาพของดินที่เป็นดินปนทราย หรือ หินที่มีการระบายน้ำได้ดี และมีความชื้นปานกลาง โดยมักพบมากในภูเขาหินปูนในแถบภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ลำพูน ฯลฯ และรวมไปถึงตามเกาะต่างๆ ทางภาคใต้ ในปัจจุบันจันทน์แดง จัดเป็นพืชหวงห้ามตามกฎหมายของไทยอีกด้วย



สรรพคุณของจันทร์แดง 

แก้พิษไข้ภายนอกและภายใน แก้ไข้ทุกชนิด

แก้ไข้อันเกิดจากซางและดี

แก้ซางเด็ก

แก้กระสับกระส่าย 

แก้ร้อนดับพิษไข้

แก้ร้อนในกระหายน้ำ

ช่วยลดความร้อน ทำให้หัวใจชุ่มชื่น 

แก้เหงื่อตก

ช่วยบำรุงหัวใจ

แก้พิษฝีที่มีอาการอักเสบและปวดบวม

แก้บาดแผล

แก้เลือดออกตามไรฟัน

แก้ฟกบวม

แก้ฝี

รักษาดีซ่าน

ช่วยแก้อาจมไม่ปกติ

แก้อาการปวดศีรษะ

ช่วยแก้ดีพิการ แก้น้ำดีพิการ

บำรุงตับ

บำรุงปอด

บำรุงหัวใจ

บรรเทาอาการไข้จากหัด

บรรเทาอาการอิสุกสุกใส


รูปแบบและขนาดวิธีใช้


สำหรับขนาน และวิธีใช้จันทน์แดง เป็นสมุนไพรชนิดเดียวนั้น ไม่พบข้อมูล แต่หากเป็นตำรับยาที่มีส่วนผสมของจันทน์แดงนั้น มีดังนี้


ยาหอมเทพจิตร       ชนิดผง รับประทานครั้งละ 1-1.4 กรัม เมื่อมีอาการ หรือ ทุก 3-4 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกินวันละ 3 ครั้ง


                                ชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ 1-1.4 กรัม เมื่อมีอาการ หรือ ทุก 3-4 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกินวันละ 3 ครั้ง


ยาหอมนวโกฐ         ชนิดผง รับประทานครั้งละ 1-2 กรัม ละลายในน้ำกระสายในน้ำกระสาย เมื่อมีอาการทุก 3-4 ชั่วโมง ไม่เกินวันละ 3 ครั้ง


                                ชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ 1-2 กรัม ละลายในน้ำกระสายในน้ำกระสาย เมื่อมีอาการทุก 3-4 ชั่วโมง ไม่เกินวันละ 3 ครั้ง


ยาเขียวหอม            ชนิดผง ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 กรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง เด็ก 6 -12 ปี รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม ทุก 4 -6 ชั่วโมง


                                ชนิดเม็ด ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 กรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง เด็ก 6-12 ปี รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง


ยาจันทน์ลีลา           ชนิดผง ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1-2 กรัม ทุก 3-4 ชั่วโมง เด็ก 6-12 ปี รับประทาน ครั้งละ 500 มิลลิกรัม-1 กรัม ทุก 3-4 ชั่วโมง


                                ชนิดเม็ดและชนิดแคปซูล  ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1-2 กรัม ทุก 3-4 ชั่วโมง เด็ก 6-12 ปี รับประทาน ครั้งละ 500 มิลลิกรัม-1 กรัม ทุก 3-4 ชั่วโมง



ลักษณะทั่วไปของจันทร์แดง   


จันทน์แดงจัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง หรือ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 1.5-4 เมตร (ต้นโตเต็มที่อาจมีความสูงถึง 17 เมตร) เรือนยอดเป็นรูปทรงไข่ อาจมีเรือนยอดได้ถึง 100 ยอด เมื่อต้นโตขึ้นจะแผ่กว้าง ลำต้นตั้งตรง กลม มีแผลใบเป็นร่องขวางคล้ายข้อถี่ๆ เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล หรือ สีน้ำตาลอมสีเทา แตกเป็นร่องตามยาว ไม่มีกิ่งก้าน ใบจะออกตามลำต้น ส่วนแก่นไม้ด้านในเป็นสีแดง ต้นเมื่อมีอายุมากขึ้นแก่นจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง เราจะเรียกแก่นสีแดงว่า “จันทน์แดง” เมื่อแก่นเป็นสีแดงเต็มต้น ต้นก็จะค่อยๆ โทรมและตายลงใบเป็นเดี่ยว เรียงสลับถี่ที่ปลายยอด รูปใบแคบเรียวยาว ปลายแหลม กว้าง 4-5 เซนติเมตร ยาว 45-80 เซนติเมตร ฐานใบจะโอบคลุมลำต้น ไม่มีก้านใบ เนื้อใบหนา ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อห้อยเป็นพวงขนาดใหญ่ตามซอกใบ และปลายยอด โค้งห้อยลง ช่อยาวประมาณ 45-100 เซนติเมตร มีดอกย่อยจำนวนมากมายหลายพันดอก ดอกขนาดเล็กสีขาวครีม หรือ เขียวอมเหลือง กลางดอกมีจุดสีแดงสด กลีบดอก 6 กลีบ ขนาดดอก 0.7-1 เซนติเมตร เกสรตัวผู้ 6 อัน ก้านเกสรกว้างเท่ากับอับเรณู ก้านเกสรตัวเมียปลายแยก 3 พลู ชั้นกลีบเลี้ยง เป็นหลอด ปลายกลีบแยกเป็นพลูแคบๆ 6 พลู ไม่ซ้อนกัน ผลเป็นช่อพวงโต ผลมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร รูปทรงกลม สีน้ำตาลอมเขียว ผิวผลเรียบ มักจะมี 1 เมล็ด เมื่อสุกมีสีแดงคล้ำ ออกดอกราวเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม


ต้นจันทร์แดง


จันทร์แดง


การขยายพันธุ์จันทร์แดง


จันทน์แดงสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ การปักชำ และ การเพาะเมล็ด ซึ่ง การขยายพันธุ์จันทน์แดง ในสมัยก่อนนิยมใช้วิธีการปักชำโดยการตัดหน่อ หรือ กิ่งของจันทน์แดง จากต้นเดิมแล้วนำมาปักชำ ในกระบะเพาะชำ หรือ จะใช้วิธีการหักต้นจันทน์แดง ไปเพาะชำ หรือ ปักลงในแปลงปลูกโดยตรงจันทน์แดง ก็สามารถจะเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ได้ แต่ในปัจจุบันจันทน์แดงเป็นไม้หวงห้าม และมักจะขึ้นในป่าสงวนหรือเขตวนอุทยาน ซึ่งหากไปขุดเอามาก็จะผิดกฎหมาย จึงทำให้เกิดการทดลองนำเมล็ดที่สุกของจันทน์แดงมาเพาะขยายพันธุ์ขึ้น และก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ เป็นที่นิยมในการขยายพันธุ์จันทน์แดง ในปัจจุบัน ส่วนวิธีการเพาะเมล็ด และการปลูกจันทน์แดงมีดังนี้ หลังจากเก็บเมล็ดพันธุ์จันทร์ผาสุกแล้วให้นำเมล็ด จันทน์แดงที่สุก มาล้างทำความสะอาด แล้วนำไปเพาะในวัสดุเพาะชำ ซึ่งจะจัดทำเป็นแปลงขนาดพอเหมาะกับจำนวนเมล็ดพันธุ์ที่เรามีโดยใช้วัสดุเพาะสำคัญ ที่มีส่วนผสม คือ ทราย:แกลบดำ = 1:1 แล้วนำเมล็ดพันธุ์จันทน์แดงมาหว่าน จากนั้นกลบเมล็ดจันทน์แดง ด้วยวัสดุเพาะชำเล็กน้อยพอมิดเมล็ดแล้วรดน้ำ ให้หมั่นรดน้ำ นานประมาณเดือนเศษ เมล็ดจันทน์แดงก็จะแตกให้ต้นใหม่ พอต้นจันทน์แดงขึ้นสูงประมาณ 3-4 นิ้ว ก็แสดงว่าต้นจันทน์แดง พร้อมที่จะนำไปแยกปลูกในแปลงที่เตรียม ไว้ต่อไป ส่วนในแปลงปลูกนั้น ก็จะเตรียมดินธรรมดา แล้ววางระยะปลูกให้ต้นห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร แล้วดูแลเหมือนการปลูกพืชทั่วๆ ไป (ข้อแนะนำ) โดยธรรมชาติจันทน์ผาเป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชโดยทั่วไป เช่น ตามหน้าผาสูงชัน ระบบรากดีมาก ไม่ควรปลูกใกล้ต้นไม้ขนาดเล็ก จันทน์ผาเป็นพันธุ์ไม้ที่เจริญเติบโตช้า ไม่ค่อยมีการแตกกิ่งก้านสาขา ไม่จำเป็นไม่ควรตัดแต่ง